รองเท้านิรภัย (Safety Shoes)

          รองเท้าเซฟตี้ หรือ รองเท้านิรภัย เป็นอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ช่วยปกป้องเท้าเราจากอันตรายต่างๆ ในสถานที่ทำงาน รองเท้าเซฟตี้มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เพราะในที่ทำงานมักจะมีอุบัติเหตุต่างๆเกิดขึ้นเสมอ การป้องกันเท้าจากอุบัติเหตุต่างๆแค่รองเท้าธรรมดาคงไม่เพียงพอ รองเท้าเซฟตี้จึงจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องทำงานในพื้นที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ โดยรองเท้าเซฟตี้ก็จะมีหลากหลายซึ่งจะถูกออกแบบมาให้ป้องกันอุบัติเหตุต่างๆได้

              มาตรฐานของเท้าเซฟตี้ ที่ควรรู้ 

       1.มาตรฐาน ANSI (American National Standards Institute)

 ANSI เป็นองค์กร ในสหรัฐอเมริกาโดยมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ของANSI ที่นิยมใช้ คือ ASTM F2413
ASTM F2413 ครอบคลุมข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพสำหรับคุณสมบัติต่างๆของรองเท้าเซฟตี้ ซึ่งรวมถึง

ความต้านทานแรงกระแทก (Impact Resistance - I): ทดสอบความสามารถของส่วนหัวรองเท้าในการป้องกันเท้าจากการกระแทกของวัตถุที่ตกลงมา ระดับการป้องกันสูงสุดคือ I/75 ซึ่งหมายถึงสามารถทนต่อแรงกระแทก 75 ฟุต-ปอนด์

ความต้านทานแรงบีบอัด (Compression Resistance - C): ทดสอบความสามารถของส่วนหัวรองเท้าในการป้องกันเท้าจากการถูกบีบอัดโดยวัตถุหนัก ระดับการป้องกันสูงสุดคือ C/75 ซึ่งหมายถึงสามารถทนต่อแรงกดทับ 2,500 ปอนด์

การป้องกันกระดูกเท้าส่วนบน (Metatarsal Protection - Mt): เป็นข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ทดสอบความสามารถของรองเท้าในการป้องกันกระดูกเท้าส่วนบนจากการกระแทก ระดับการป้องกันสูงสุดคือ Mt/75 ซึ่งหมายถึงสามารถทนต่อแรงกระแทก 75 ฟุต-ปอนด์

คุณสมบัติการนำไฟฟ้า (Conductive - CD): รองเท้าประเภทนี้ช่วยลดการสะสมของไฟฟ้าสถิตโดยการนำประจุไฟฟ้าจากร่างกายลงสู่พื้นดิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการจุดประกายไฟในสภาพแวดล้อมที่ไวต่อการติดไฟ

ความต้านทานต่ออันตรายจากไฟฟ้า (Electrical Hazard Resistance - EH): รองเท้าประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นแหล่งป้องกันทุติยภูมิจากการสัมผัสไฟฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ สูงถึง 18,000 โวลต์ ที่ 60 เฮิรตซ์ เป็นเวลา 1 นาที ภายใต้สภาวะแห้ง

คุณสมบัติการกระจายไฟฟ้าสถิต (Static Dissipative - SD): รองเท้าประเภทนี้ควบคุมการสะสมของไฟฟ้าสถิตและปล่อยประจุอย่างปลอดภัย โดยมีความต้านทานไฟฟ้าสูงกว่ารองเท้านำไฟฟ้า มี 3 ระดับคือ SD100, SD35 และ SD10

ความต้านทานการทะลุทะลวง (Puncture Resistance - PR): เป็นข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ทดสอบความสามารถของพื้นรองเท้าในการต้านทานการทะลุทะลวงของวัตถุมีคม

        2.EN ISO 20345: 2011 เป็นมาตรฐานของยุโรป ที่ระบุข้อกำหนดพื้นฐานและเพิ่มเติมสำหรับรองเท้าเซฟตี้ที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์ทั่วไปมาตรฐานนี้ครอบคลุมถึงความเสี่ยงทางกล,ความต้านทานการลื่น,ความเสี่ยงจากความร้อน และคุณสมบัติอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเท้าในสภาพแวดล้อมการทำงาน

     ข้อกำหนดพื้นฐานที่รองเท้าเซฟตี้ทุกคู่ที่ผ่านมาตรฐาน EN ISO 20345: 2011 ต้องมีคือ

-การป้องกันส่วนหัวเท้า (Toe Protection): ต้องสามารถทนทานต่อแรงกระแทก 200 จูล (เทียบเท่าวัตถุหนัก 20 กก. ตกจากความสูง 1 เมตร) และแรงบีบอัด 15 กิโลนิวตัน
-ความต้านทานการลื่น (Slip Resistance): มีการทดสอบบนพื้นกระเบื้องเซรามิกที่มีสารละลายโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) ซึ่งเป็นสารทำความสะอาด

    EN ISO 20345 ซึ่งเป็นมาตรฐานของสหภาพยุโรป โดยมีการแบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำรองเท้าส่วนบน (Upper) ดังนี้:

  Class I: รองเท้านิรภัยที่ทำจาก หนัง และวัสดุอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยางธรรมชาติหรือโพลิเมอร์สังเคราะห์ เช่น ผ้า

  Class II: รองเท้านิรภัยที่ทำจาก ยาง หรือ โพลิเมอร์สังเคราะห์ ทั้งหมด

 

 

SB (Safety Basic): มีหัวเหล็กหรือวัสดุอื่นที่ป้องกันแรงกระแทกได้ 200 จูล และแรงบีบอัด 15 กิโลนิวตัน คุณสมบัติพื้นฐานตามมาตรฐาน

S1: SB + ป้องกันไฟฟ้าสถิต (A) รองรับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า (E) ส้นเท้าปิด

S1P: S1 + พื้นรองเท้าป้องกันการทะลุ (P)

S2: S1 + ส่วนบนของรองเท้ากันน้ำ (WRU - Water Resistant Upper)

S3: S2 + พื้นรองเท้าป้องกันการทะลุ (P) พื้นรองเท้ามีปุ่ม (Cleated Outsole)

S1PL: S1 + พื้นรองเท้าชั้นกลางป้องกันการทะลุแบบที่ไม่ใช่โลหะ (PL - Non-metallic Puncture-resistant insert) ที่ผ่านการทดสอบด้วยตะปูขนาด 4.5 มม.

S3L: S3 + พื้นรองเท้าชั้นกลางป้องกันการทะลุแบบที่ไม่ใช่โลหะ (PL - Non-metallic Puncture-resistant insert) ที่ผ่านการทดสอบด้วยตะปูขนาด 4.5 มม.

S4: SB + ป้องกันไฟฟ้าสถิต (A) รองรับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า (E) กันน้ำ (WR - Water Resistant) (ส่วนใหญ่เป็นรองเท้าบูทยางหรือโพลีเมอร์ทั้งหมด)

S5: S4 + พื้นรองเท้าป้องกันการทะลุ (P) พื้นรองเท้ามีปุ่ม (Cleated Outsole)

 แถวแรก (สัญลักษณ์): แสดงสัญลักษณ์ของมาตรฐานย่อยต่างๆ (SB, S1, S1P, S2, S3, S1PL, S3L, S5, S4, S5) และมาตรฐานใหม่ (S6, S7, S7L)

แถวถัดมา (คุณสมบัติ): แสดงคุณสมบัติหลักต่างๆ ที่รองเท้าในแต่ละมาตรฐานย่อยต้องมี โดยมีสัญลักษณ์แสดงว่ามีคุณสมบัตินั้นหรือไม่

Toe protection (200 Joule): การป้องกันส่วนหัวเท้า (บังคับในทุกมาตรฐาน)

Basic slip resistance (ceramic floor + soap solution): ความต้านทานการลื่นขั้นพื้นฐานบนพื้นกระเบื้องเซรามิกและสารละลายสบู่ (SRA เดิม)

Closed heel: ส้นเท้าปิด (บังคับใน S1 ขึ้นไป)

Antistatic (A): คุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิต (S1 ขึ้นไป)

Heel energy absorption (E): การดูดซับพลังงานที่ส้นเท้า (S1 ขึ้นไป)

Water penetration and absorption (WPA): การซึมผ่านและการดูดซับน้ำของส่วนบน (S2 ขึ้นไป)

WR (Waterproof): กันน้ำ (มาตรฐานใหม่ S6, S7)

P (Metallic puncture resistant midsole): พื้นรองเท้าชั้นกลางต้านทานการแทงทะลุแบบโลหะ

PL (Non-metallic puncture resistant midsole - Large nail 4.5mm): พื้นรองเท้าชั้นกลางต้านทานการแทงทะลุแบบไม่ใช่โลหะ (ตะปูใหญ่ 4.5 มม.)

PS (Non-metallic puncture resistant midsole - Small nail 3mm): พื้นรองเท้าชั้นกลางต้านทานการแทงทะลุแบบไม่ใช่โลหะ (ตะปูเล็ก 3 มม.)

Cleated outsole (cleat height ≥ 2,5mm): พื้นรองเท้ามีปุ่ม (S3, S5 ขึ้นไป)

 

     Additional features: ส่วนนี้แสดงสัญลักษณ์และคำอธิบายของคุณสมบัติเพิ่มเติมที่รองเท้าเซฟตี้อาจมี นอกเหนือจากข้อกำหนดหลักใน

แต่ละมาตรฐานย่อย เช่น:

AN : Ankle protection (ป้องกันข้อเท้า)

M : Metatarsal protection (ป้องกันกระดูกเท้าส่วนบน)

SR : Slip resistance (ceramic floor + oily solution) - ความต้านทานการลื่นบนพื้นกระเบื้องเซรามิกและน้ำมัน (SRB เดิม) (คุณสมบัติใหม่ในมาตรฐานปี 2022)

A : Antistatic (ป้องกันไฟฟ้าสถิต)

LG : Ladder grip (การยึดเกาะบันได) (คุณสมบัติใหม่ในมาตรฐานปี 2022)

SC : Abrasion resistant scuff cap (ส่วนหัวรองเท้าทนทานต่อการขีดข่วน) (คุณสมบัติใหม่ในมาตรฐานปี 2022)

CI : Cold insulation (ฉนวนกันความเย็น)

HI : Heat insulation (ฉนวนกันความร้อน)

HRO : Heat-resistant outsole (ทนความร้อนที่ 300°C)

P, PL, PS : (อธิบายไว้แล้วในส่วนตารางหลัก)

WPA, WR : (อธิบายไว้แล้วในส่วนตารางหลัก)

E : Heel energy absorption (ดูดซับพลังงานที่ส้นเท้า)

FO : Fuel & oil resistance (ทนทานต่อน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมัน)

ESD (Electrostatic discharge - EN 61340) : การปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต (ตามมาตรฐาน EN 61340)

EH (Electrical hazard - ASTM F2413) : ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า (ตามมาตรฐาน ASTM F2413)

 

       สรุปความแตกต่างที่สำคัญระหว่างมาตรฐานปี 2011 และ 2022 ที่เห็นได้จากตาราง:

การเพิ่มมาตรฐานใหม่: มีมาตรฐานใหม่ S6 และ S7 สำหรับ Class 1 และ S4 และ S5 สำหรับ Class 2 ที่รวมคุณสมบัติการกันน้ำ (WR) เข้าไปด้วย

การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติการกันทะลุ: มีการแยกประเภทของพื้นรองเท้าชั้นกลางต้านทานการแทงทะลุเป็นแบบโลหะ (P) และแบบไม่ใช่โลหะ (PL และ PS) โดย PL ทนทานต่อตะปูขนาดใหญ่กว่า PS

การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติการต้านทานการลื่น: มีการเพิ่มสัญลักษณ์ SR สำหรับการต้านทานการลื่นบนพื้นกระเบื้องเซรามิกและน้ำมัน (ซึ่งเทียบเท่า SRB เดิม) และการทดสอบ SRA กลายเป็นข้อกำหนดพื้นฐาน

การเพิ่มคุณสมบัติใหม่: มีคุณสมบัติเพิ่มเติมใหม่ เช่น Ladder grip (LG) และ Abrasion resistant scuff cap (SC)

 

       วัสดุที่นำมาผลิตรองเท้าเซฟตี้ โดยหลักๆ สามารถแบ่งตามส่วนประกอบของรองเท้าได้ดังนี้

 

1. ส่วนบนของรองเท้า (Upper):

 -หนังแท้ (Genuine Leather): ทนทาน ระบายอากาศได้ดี ปรับเข้ากับรูปเท้าได้ดี มีหลายประเภท เช่น หนังวัว หนังนูบัค

 -หนังสังเคราะห์ (Synthetic Leather): น้ำหนักเบา ราคาถูก ดูแลรักษาง่าย มีความทนทานและคุณสมบัติกันน้ำแตกต่างกันไปตามชนิด เช่น PU, PVC, ไมโครไฟเบอร์

 -ผ้าใบ (Canvas): ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา ไม่ทนทานเท่าหนัง มักใช้ในงานที่ไม่เสี่ยงอันตรายมากนัก

 -วัสดุทอ (Textile): มีความหลากหลายในเรื่องความทนทาน การระบายอากาศ และน้ำหนัก ขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นใยและการทอ

2. หัวรองเท้า (Toe Cap):

 -เหล็ก (Steel): แข็งแรงทนทาน ป้องกันแรงกระแทกและการบีบอัดได้ดี ราคาไม่สูง น้ำหนักมาก และอาจนำไฟฟ้า

 -อลูมิเนียม (Aluminum): น้ำหนักเบากว่าเหล็ก ป้องกันแรงกระแทกได้ดี แต่รับแรงบีบอัดได้น้อยกว่า และราคาสูงกว่า

 -วัสดุคอมโพสิต (Composite): ทำจากพลาสติกหรือคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักเบา ไม่นำไฟฟ้า ไม่เป็นสนิม ไม่สามารถมองเห็นรอยร้าวภายนอก

 

 

3. พื้นรองเท้าชั้นกลาง (Midsole):

 -โพลียูรีเทน (PU): น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น รองรับแรงกระแทกได้ดี ทนทานต่อน้ำมันและสารเคมีบางชนิด

 -เอทิลีนไวนิลอะซิเตต (EVA): น้ำหนักเบา นุ่มสบาย รองรับแรงกระแทกได้ดี ไม่ทนทานต่อสารเคมีและน้ำมันเท่า PU

 

4. พื้นรองเท้าชั้นนอก (Outsole):

 -ยาง (Rubber): ทนทานต่อการสึกหรอ กันลื่นได้ดี ทนความร้อนได้ดีในบางประเภท

 -โพลียูรีเทน (PU): น้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกหรอและน้ำมัน แต่กันลื่นสู้ยางไม่ได้ในบางสภาพพื้นผิว

 -เทอร์โมโพลียูรีเทน (TPU): ทนทานต่อการสึกหรอ สารเคมี และน้ำมันได้ดีกว่า PU มีความยืดหยุ่นดี

 -ไนไตรล์ (Nitrile Rubber): ทนทานต่อความร้อนสูง น้ำมัน และสารเคมีได้ดีเยี่ยม

 

5. แผ่นรองพื้นด้านใน (Insole):

 ทำจากวัสดุหลากหลาย เช่น โฟม EVA, โพลียูรีเทน, เจล หรือวัสดุอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสบายและการรองรับเท้า

 

 

 

         ปัจจุบัน มาตรฐาน EN ISO 20345: 2011 ได้ถูกแทนที่ด้วยมาตรฐาน EN ISO 20345: 2022 แล้ว อย่างไรก็ตาม รองเท้าที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EN ISO 20345: 2011 ยังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าใบรับรองจะหมดอายุ มาตรฐานใหม่ EN ISO 20345: 2022 มีการเปลี่ยนแปลงและข้อกำหนดเพิ่มเติมที่เข้มงวดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงในการทดสอบความต้านทานการลื่น และข้อกำหนดใหม่สำหรับการป้องกันการทะลุทะลวง